การทำปุ๋ยหมักระบบกองเติมอากาศ (Aerated Static Pile Composting System)
การหมักปุ๋ยระบบกองเติมอากาศ เป็นนวัตกรรมที่เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ในการผลิตปุ๋ยหมักที่มีความเหมาะสมกับบริบทของเกษตรกรชนบทไทย สามารถผลิตปุ๋ยหมักในเชิงพาณิชย์เป็นอาชีพเสริมได้ โดยไม่ต้องพลิกกลับกองปุ๋ย และได้ผลผลิตในเวลาอันสั้น การผลิตปุ๋ยหมักของชุมชนไม่ว่าจะใช้เองหรือจำหน่าย ย่อมส่งผลดีต่อระบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นนโยบายแห่งชาติ อันเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจของชุมชน และเป็นการนำใช้ประโยชน์กลับคืนจาก เศษพืชแทนการเผาทำลาย อันจะเป็นการช่วยอนุรักษ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมได้อีกทางหนึ่ง
วัสดุและอุปกรณ์
1. เศษพืช เช่น เปลือกถั่ว, ฟางข้าว
2. มูลโค หรือ วัว
3. พัดลมเติมอากาศ
4. ชุดท่อพีวีซี 4 นิ้ว เจาะรูพร้อมอุปกรณ์เสริม
ขั้นตอนการผลิตปุ๋ยหมักฯ 1 กอง มีดังนี้
1. การเตรียมวัตถุดิบ นำเศษพืชไปย่อยในเครื่องย่อยเศษพืช ผสมคลุกเคล้ากับมูลโค สัดส่วน 3 :1 ซึ่งจะทำให้ค่าอัตราส่วนไนโตรเจนมีค่าประมาณ 20-25
2. การขึ้นกองปุ๋ย นำกิ่งไม้วางก่ายบนท่อพีวีซี ขนาด 4 นิ้ว เจาะรูขนาด 4 หุน ที่ต่อมาจากพักลมเติมอากาศ ซึ่งกิ่งไม้จะช่วยให้มีการระบายอากาศที่ดีภายในกองปุ๋ย นำวัตถุดิบที่คุลกเคล้าพร้อมกับรดน้ำให้พอหมาด วางทับบนกิ่งไม้ให้เป็นรูปสามเหลี่ยมปริซึม มีความกว้างฐาน 2.5 เมตร สูง 1.5 เมตร ยาว 3.5 เมตร โดยไม่ต้องขึ้นเหยียบ
3. การเติมอากาศ ให้เปิดพัดลมโบรเวอร์ ทุกวัน ๆ ละ 2 ครั้ง คือ เช้าและเย็น ครั้งละ 15 นาที เป็นเวลา 30 วัน หรือมากกว่า จนกว่าการหมักจะเสร็จ ปุ๋ยที่หมักเสร็จแล้วจะไม่เห็นลักษณะเดิมของเศษพืช แต่จะเบา ร่วน นุ่ม มีสีดำคล้ำ และไม่มีกลิ่น
4. การดูแลกองปุ๋ย ควรตรวจสอบความชื้นภายในกองปุ๋ยทุก ๆ 4-5 วัน โดยล้วงมือเข้าไปจับภายในกองปุ๋ย แล้วทดลองบีบ ถ้าเป็นความชื้นที่เหมาะสม วัสดุจะไม่แห้งเกินไปและไม่มีน้ำไหลเยิ้มติดมือ การเติมน้ำให้แก่กองปุ๋ยทำได้โดยรดน้ำผิวนอกกองปุ๋ยทุกเช้า และทุก 4 วัน ให้ใช้ไม้แทงกองปุ๋ยในแนวดิ่งทุกระยะ 40 ซม. กรอกน้ำลงไป ปิดรูให้เหมือนเดิม (น้ำไม่สามารถซึมลงภายในกองปุ๋ยได้จากการรดน้ำภายนอกแต่อย่างเดียว เพราะเนื้อปุ๋ยมีคุณสมบัติการอุ้มน้ำ จะไม่ยอมปล่อยให้น้ำซึมผ่านลงไปกลางกองปุ๋ย) ภายใน 2 - 5 วันแรก อุณหภูมิภายในกองปุ๋ยจะสูงขึ้น อาจมีค่าสูงถึง 60 - 80 oC ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการหมักปุ๋ยระบบกองเติมอากาศ เมื่อการย่อยสลายเกิดขึ้นได้ดีและอิ นทรีย์สารในวัตถุดิบเริ่มหมดลงไป อุณหภูมิภายในกองปุ๋ยจะค่อยๆ ลดลงตามลำดับ จนมีค่าคงที่หรือใกล้เคียงกับอุณหภูมิภายนอก แสดงว่าการหมักได้เสร็จสิ้น
5. การบ่มและการบรรจุ เมื่อการหมักสิ้นสุดลง ให้ย้ายปุ๋ยเข้าในที่ร่มแล้วทิ้งไว้เฉย ๆ เป็นเวลาอีก 30 วัน เพื่อบ่ม (Cure) ให้จุลินทรีย์สงบตัว เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปฏิกิริยาการย่อยสลายขึ้นอีกในภายหลัง ซึ่งอาจทำให้ปุ๋ยในกระสอบมีกลิ่นเหม็น เกิดเชื้อรา และน้ำหนักลดลงได้ ขั้นตอนการบ่มนี้ อาจเกิดความร้อนขึ้นอีกจากการที่จุลินทรีย์ย่อยสลายตัวเอง กองปุ๋ย 1 กอง จะใด้ปุ๋ยหมัก 1.5 ตัน หรือ บรรจุกระสอบได้ 40-50 กระสอบ (30 กก. ) ซึ่งจะมีจำนวนมากน้อยขึ้นอยู่กับชนิดเศษพืชที่เป็นวัตถุดิบ
ต้นทุนการผลิตปุ๋ยหมักฯ ไม่แพงอย่างที่คิด
การทำปุ๋ยหมักระบบกองเติมอากาศมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ สามารถคืนทุนได้ในเวลาอันสั้น และเป็นการสร้างอาชีพเสริมได้เป็นอย่างดี ในการผลิต มีสมาชิกในกลุ่มประมาณ 10 คน ผลิตปุ๋ยเดือนละ 10 กอง จะมีต้นทุน และรายรับ-รายจ่าย ดังนี้
ต้นทุนคงที่
- พัดลมเติมอากาศ 16,000.- บาท
- เครื่องย่อยเศษพืช 52,000.- บาท
- ท่อพีวีซี + สายไฟ 8,000.- บาท รวม 76,000.- บาท
รายจ่าย ต่อ 1 กอง
- มูลโค 40 กระสอบ 800.- บาท
- ค่าไฟฟ้า 100.- บาท
- ค่ากระสอบปุ๋ย 400.- บาท
รวม 1,300.- บาท
(จะได้ปุ๋ย 50 กระสอบ ต้นทุนเฉลี่ยกระสอบละ 26.- บาท)
รายรับ ต่อ 1 กอง
- จำหน่ายปุ๋ยหมัก 50 กระสอบๆ ละ 70.- บาท จะได้ เงิน 3,500.- บาท (ราคาขายปลีก กระสอบละ 100-200 บาท)
จะเห็นได้ว่า ในการผลิตปุ๋ยหมัก ฯ 1 กอง จะมีกำไรประมาณ 2,000 – 3,000 บาท และถ้าผลิตปุ๋ยเดือนละ 10 กอง จะมีกำไร 20,000 – 30,000 บาท ซึ่งหมายความว่า ในการผลิตปุ๋ยหมักเป็นอาชีพเสริมของกลุ่มสมาชิก จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 250,000.- บาทต่อปี หรืออีกนัยหนึ่ง ถ้านำปุ๋ยหมักที่ได้ ไปแบ่งสรรใช้กันเองก็เท่ากับว่าเป็นการลดต้นทุนในการทำเกษตรกรรม ซึ่งทำให้ประหยัดเงินที่ต้องไปซื้อปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยเคมี เป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลยที่เดียว
*******************************
กลุ่มเกษตรกรใดที่สนใจศึกษาดูงานการทำปุ๋ยหมักระบบเติมอากาศ หรือ อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ นายวัฒน์ สมบัติ บ้านเลขที่ 198 หมู่ที่ 7 ตำบลดอนมูล อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ โทรศัพท์ 054-541319, 081-8819163 หรือติดต่อที่ สำนักงานเกษตรอำเภอสูงเม่น, สำนักงานเกษตรจังหวัดแพร่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น