วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

ขั้นตอนการซื้อรถยนต์ใหม่ป้ายแดง


ขั้นตอนการซื้อรถยนต์ใหม่ป้ายแดง
รถยนต์เป็นสิ่งที่เกือบทุกคนอยากจะมีไว้ใช้ แต่ทว่าราคาของมันไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถซื้อได้ บางคนเก็บเงินหลายปีกว่าจะซื้อได้ ดังนั้น เราควรจะต้องมีความรู้เรื่องนี้พอสมควร ไม่ควรรีบร้อน ผมเป็นคนหนึ่งที่ซื้อรถยนต์ป้ายแดงครั้งแรก มันก็ไม่ราบรื่นอย่างที่คิดไว้ เจอหลายๆอย่างจึงอยากแบ่งปันประสบการณ์ เพื่อให้ทุกคนได้รถอย่างที่ตัวเองหวังไว้ เริ่มต้นเลยนะครับ




1. การเลือกรถที่คุณต้องการ ควรศึกษาข้อมูลเบื้องต้นหรือถามผู้รู้และความต้องการของเรา ว่าเราขอบอะไร เพื่ออะไร

  • ยี่ห้อรถยนต์ เข้าเวบของยี่ห้อนั้นดูข้อมูล เรื่องการให้บริการ ศูนย์บริการ ข่าวไม่ดีต่างๆ
  • รุ่นรถ รุ่นที่เราชอบ option ต่างๆ ของแต่ละรุ่น ความจำเป็นในการใช้งาน
  • สีรถ สีที่ชอบและดวงตามความเชื่อ เดี๋ยวจะต้องมาเสียเวลาติดสติกเกอร์รถสีต่างๆเพิ่มอีก
  • ราคา เราควรประเมินตัวเราเองว่า เราสามารถจ่ายได้ขนาดไหน เมื่อซื้อรถจะมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายหรือเปล่า อย่าฟังคนอื่นมาก ฟังหูไว้หู เพราะยังไงเวลาเรามีปัญาเรื่องการเงินคงไม่มีใครมาช่วยจ่าย

2. การเลือกศูนย์บริการที่คุณต้องการเข้าไปซื้อรถ ควรเลือกศูนย์ที่ไว้ใจได้นะครับ เพราะเราต้องอยู่กับศูนย์นั้นหลายปีทีเดียว ขอย้ำว่าหลายปี หากเลือกผิดเราจะช้ำใจไปเลยครับ และจะทำอะไรเกี่ยวกับรถก็ลำบากไปหมด เราจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นศูนย์ที่เราต้องการ ลองพิจารณาตามนี้ดูนะครับ


  •  เป็นตัวแทนจากยี่ห้อรถยนต์ที่เราต้องการจะซื้อ

  •  ประวัติของศูนย์ครับ ต้องถามข้อมูลจากคนรอบข้างที่เคยไปใช้บริการ หรือข่าวลือต่างๆ ครับ บางศูนย์เห็นเราเข้าไปเหมือนพระเจ้า บางศูนย์เห็นเราเข้าไปเหมือนขอทาน บางศูนย์เจ้าของเป็นผู้มีอิทธิพล (เวลาเรามีปัญหาหลังจากซื้อรถไป เซลแมนจะเอามาขู่เราด้วย) เลือกศูนย์ที่มีประวัติดีนะครับ มีคนชมมากกว่าคนด่า ต่อให้ตั้งศูนย์ใหม่แต่เจ้าของคนเดิม ทีมงานเดิม การบริการก็ยังห่วยเหมือนเดิมครับ

  •  ศูนย์บริการใกล้บ้านครับ สะดวกต่อการติดต่อ ประหยัดน้ำมัน

3. การเลือกเซลแมน ขั้นตอนนี้สำคัญมากกว่าการเลือกศูนย์บริการนะครับ เพราะหากเจอเซลที่ดี เซลจะเป็นเหมือนที่ปรึกษาเรื่องรถที่ดีสำหรับคุณที่เดียวและคุณจะได้รถตามที่คุณหวัง แต่หากเจอเซลแย่คุณจะโดนโกงสารพัดวิธีที่เดียว เซลแมนคือที่คอยให้คำแนะนำเรื่องรถ ทำสัญญา เตรียมรถให้เรา แต่ที่สำคัญที่สุด เค้าจะต้องขายรถให้เราเพื่อทำกำไรให้ทางบริษัท และค่าคอมมิสชัน กำไรจากส่วนอื่นๆ ที่เราพลาดเผลอไปยอมรับโดยไม่ระวังซึ่งสำคัญกว่าบริการเราซะอีก แล้วเราจะเลือกยังไง
  • ถ้าเซลเป็นญาติพี่น้องที่ดีต่อเรา จะดีมากเค้าคงเลือกสิ่งดีๆให้พี่น้องกันโดยไม่หวังผลกำไรมากอยู่แล้ว
  • เพื่อนพี่น้อง แนะนำเซลให้ แสดงว่าคนคนนั้นเคยใช้บริการมาแล้ว เซลคงรักษามาตรฐานการให้บริการที่ดีทุกคน 
  • ใช้น้ำเสียงการให้บริการฟังแล้วรู้สึกสบายใจ แต่หากฟังแล้วขัดหูหรือไม่สบายใจเปลี่ยนคนเถอะ
  • ขั้นตอนการอธิบายรถ อธิบายแล้วเราเข้าใจ ถามอะไรสามารถตอบได้
  • อย่าเลือกเพียงเพราะหน้าตา หรือเพราะพูดเพราะ ให้จำสุภาษิตนี้ไว้เลยครับ หน้าเนื้อใจเสือปากหวานก้นเปรี้ยว การเลือกเซลแมน
4. เรื่องของแถม ดูสิว่าเซลให้ของแถมไรเราบ้าง เช่น


  •  น้ำมันเต็มถัง
  •  ส่วนลดเงินสด
  •  เบาะหนัง
  •  ฟิล์มรอบคัน ยี้ห้ออะไร ประกันกี่ปี ติดรุ่นไหนได้บ้าง ราคาที่ติดได้เท่าไร ติดที่ไหน
  •  เคลือบสี+กันสนิม ทำฟรีทุกครั้ง หรือเสียตังค์แต่ละครั้งเท่าไร
  •  ประกันภัยชั้น 1 ฟรีหรือเปล่า
  •  Sensor ถอยหลัง 2 หรือ 4 จุด ไม่ได้ติดจากโรงงาน ต้องถามว่าซื้อของอะไร ติดตั้งที่ไหน รับประกันกี่ปี ซ่อมที่ไหน
  • อุปกรณ์แต่งรถ เช่น สปอร์ยเลอร์ กระจังหน้า คิ้วกันสาด สเกิร์ตรอบคัน คิ้วบันไดสแตนเลส ต้องถามว่าซื้อของอะไร ของศูนย์ ของร้าน หรือของแท้ ติดตั้งที่ไหน ส่วนใหญ่เค้าจะแถมของที่ซื้อจากร้าน
  • ของอื่นๆ เช่น ผ้าคลุมรถ หมอนผ้าห่ม พรมปูพื้น สายรองเบลท์ อุปกรณ์ฉุกเฉิน ผ้ายางปูพื้น ถาดหลังกันเปื้อน น้ำหอม ชุดทำความสะอาด ที่ล๊อคพวกมาลัย หมอนผ้าห่ม ม่านบังแดด ฯลฯ ผมได้ครบเกือบทุกอย่างตามที่กล่าวมาตั้งแต่ต้น ทำไมเค้าถึงให้ผมเยอะขนาดนี้ มันมีเหตุครับ รับรองเซลเค้าได้มากกว่าที่เสียให้ผม

5. ถามเรื่องประกันภัยชั้น 1 ที่เค้าให้เรานะครับ ไม่ว่าจะแถมให้ฟรี หรือเราเสียตังค์เอง มันมีส่วนสำคัญมากครับ และรถใหม่ทุกคันที่ผ่อนจะต้องทำครับ เราควรจะถามข้อมูลอะไรบ้างเกี่ยวกับประกันจากเซล หากเซลตอบไม่ได้ หรือเราไม่เข้าใจ ก็อย่าเพิ่งจองนะครับ ให้เราเข้าใจก่อนเกี่ยวกับประกันสำคัญมากครับ ให้เราเข้าใจก่อน สิ่งที่เราควรรู้นะครับ
  • เป็นของบริษัทอะไร น่าเชื่อถือหรือเปล่า ใกล้เจ้งไหม
  • บริษัทประกันนั้นมีข่าวไม่ดีจากลูกค้าหรือเปล่า เช่น บริการไม่ดี บริการช้า
  • ซ่อมศูนย์ หรือซ๋อมอู่ ถึงจะเป็นประกันชั้น 1 แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถซ่อมได้ทุกที่ เพราะราคาการซ่อมที่ประกันสามารถจ่ายได้บางศูนย์หรือบางอู่ก็รับไม่ได้ อย่างกรณีผม มีศูนย์ยี่ห้อ A 2 ที่แถวบ้าน แต่ที่หนึ่งรับเคลมไม่ต้องจ่ายเพิ่ม แต่อีกที่เมื่อไปเคลมจะมีส่วนต่างที่เราต้องจ่ายเพิ่มเอง แต่ศูนย์ที่รับเคลมที่ไม่มีส่วนต่างรอคิวซ่อมนานเป็นเดือนๆ เราต้องรู้ก่อนเพื่อไม่เสียความรู้สึกภายหลัง
  • ข้อควรรู้สำหรับมือใหม่ หากรถเราเสียหายโดยไม่มีคู่กรณีเราต้องจ่ายประกันเริ่มต้น 1000 บาท แต่หากมีคู่กรณี คู่กรณีจ่ายครับซ่อมฟรี แต่เสียเวลา
6. ถามเรื่องการทำสินเชื่อ หากเราไม่ได้ซื้อเงินสด ควรถามเรื่องนี้กับเซลด้วยนะครับ เพราะเราต้องทำ สัญญาเช่าซื้อกับธนาคารนั้น สิ่งที่เราควรรู้คือ
  • บริษัทหรือธนาคารอะไร
  • ดอกเบี้ยเท่าไร
  • จำเป็นต้องมีประกันวงเงินสินเชื่อหรือเปล่า
ตอนนี้ก็ลองให้เซลคิดเรื่องเงินเรื่องทองให้ดูเลยนะครับ ว่ามีค่าใช้จ่ายวันรับรถอะไรบ้าง โดยของผมทั้งหมดมันจะมีตามข้างล่าง เงินที่เราจะทำสัญญาเช่าซื้อคือ ค่าใช้จ่ายทั้งหมด-เงินจอง-เงินดาวว์ ครับ
  • ค่ารถยนต์รุ่นที่เราจอง 
  • ค่าจดทะเบียน 
  • ค่ามัดจำป้ายแดง 
  • ค่าประกันภัยชั้น 1 
  • พ.ร.บ. 
  • ค่าตกแต่ง 
  • ค่าประกันภัยวงเงินสินเชื่อ

 7. การจองรถยนต์ ขั้นตอนนี้เราเริ่มที่จะเสียเงินแล้วนะครับ หากเราพอใจกับตัวรถยนต์รุ่นที่เราต้องการ ของแถมที่เซลจะจัดให้ นิสัยและคำอธิบายของเซล เรื่องประกันชั้น 1 เราก็จองรถเลยครับ แต่หากเรายังรู้สึกลังแลก็อย่าเพิ่งจองนะครับ มันไม่ทำให้เซลเสียเวลาหรอกครับ เพราะรถที่เราจะซื้อไม่ใช่คันละบาทสองบาท ไปนอนคิดที่บ้านดีกว่าครับ คราวนี้มีคำถามว่าทำไมต้องจอง เนื่องจากรถมีราคาแพงดังนั้นหากไม่มี Order โรงงานก็จะไม่ผลิตรถมาขาย ดังนั้นเมื่อเราจองรถ เซลจะเก็บหลักฐานสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อไปใช้ประกอบการส่งข้อมูลให้โรงงานผลิตรถยนต์ รถที่ผลิตออกมาคันนั้นจะผลิตตามรุ่นและสี ตามที่เราจองไปทุกประการ หากทำมาแล้วไม่ตรง เรามีสิทธิที่จะไม่เอาและขอค่าจองคืนได้ มีข้อแนะนำดังนี้
  • อย่าลืมขอใบเสร็จหรือสัญญาการจอง 
  • สัญญาการจองต้องระบุรุ่นและสีของรถที่เราต้องการให้ถูกต้อง 
  • สัญญาการจองต้องเขียนของแถมทุกอย่างให้ครบอย่าบอกปากเปล่า 
  • ตอนนี้ถามเลยครับว่ารถจะมาเมื่อไร และจะติดต่อกลับเราวันไหนระบุให้ชัดเจนเขียนลงในสัญญาเลยครับ 
  • หากเราละเอียดมากๆ แล้วถ้าเซลงอแง หรือแกล้งลืมๆ ไม่จด เราก็บอกไปเลยครับว่ายังไม่จอง อย่ารีบร้อนนะครับ รถไม่ใช่ถูกๆ 
  • หลังจากจองเสร็จก็รอ หากเซลโทรมาเปลี่ยนแปลงเรื่องของแถมก็แล้วแต่เราว่ารับได้ไหม รับไม่ได้ก็ขอเงินจองคืน
8. การตรวจรับรถป้ายแดง แล้วก็ถึงเวลาที่รถเรามาถึง บางที่หากเราติดฟิล์มหรือไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม เซลจะโทรให้ไปรับรถเลย แต่หากเรามีการตกแต่งที่ไม่ได้ทำมาจากโรงงาน เซลจะให้ไปดูรถและตรวจรถที่มาจาโรงงาน ยังไงก็ตามเราควรทำหารตรวจรับรถที่มาจากโรงงานก่อนเริ่มเลยนะครับ
  • ควรพาผู้เชียวชาญเรื่องรถยนต์ สี และพวกจับผิดเรื่องรถยนต์เก่งๆ เพราะเรามือใหม่
  • มีแบบฟอร์มการตรวจตาม link นี้เลยครับ http://www.oknation.net/blog/print.php?id=53788 และควรจะค่อยตรวจที่ละขั้นอย่างละเอียด โดยให้คนที่พาไปด้วยช่วยเราดู อย่าแย่งกันดูนะครับ เดี๋ยวจะเช็คไม่ครบ อย่ากลัวว่าเราจะงี่เง่า รถราคาแพงครับ 
  • ขอดูเอกสารที่รถลงถึงอู่ ว่าวันที่เท่าไร ช่างตรวจรับหรือยัง เค้าจะเรียกว่าใบ Warranty Bosket ครับ หากไม่มี ค่อยมาตรวจใหม่วันหลัง 
  • สำคัญมาก อย่าลืมจดหมายเลขเครื่องเอาไว้ด้วยนะครับ ว่ารถคันนี้เราเช็คแล้ว 
  • ข้อตกลงเรื่องการติดตั้งของอื่นๆ เพิ่มเติม ของแถมตามสัญญาการจองเช่น 
  • ติดฟิล์ม 
  • สปอร์ยเลอร์ กระจังหน้า คิ้วกันสาด สเกิร์ตรอบคัน คิ้วบันไดสแตนเลส 
  • Sensor ถอยหลัง 
  • เบาะหนัง พวกนี้ต้องรอเช็คอีกรอบวันรับรถ หากติดตั้งเสร็จ
  • แล้วให้ตรวจดูความเรียบร้อยดังนี้ 
  • ติดฟิล์ม ขอดูใบติดตั้ง ใบรับประกันเขียนถูกต้องเหรือเปล่า มีฟองอากาศหรือเปล่า 
  • สปอร์ยเลอร์ กระจังหน้า คิ้วกันสาด สเกิร์ตรอบคัน คิ้วบันไดสแตนเลส การติดตั้งเรียบร้อยหรือเปล่า น๊อตที่ใช้เป็นแบบไหน กันสนิมหรือเปล่า ขอบยางหารติดสวยหรือเปล่า ใช่ซิลิโคนอะไร มีรอยหรือเปล่า สีเข้ากับสีรถหรือเปล่า เนื้อละเอียดเหมือนสีรถหรือเปล่า 
  • Sensor ถอยหลัง ทดสอบว่าวัดการถอยหลังยังไง 
  • เบาะหนัง สีตามที่เราต้งการหรือเปล่า ตะเข็บ ติดเรียบเนียนหรือเปล่า

 9. ทำสัญญาซื้อขาย หรือสัญญารับรถ ตราบใดที่เรายังไม่เซ็นรับรถ เราก็เหมือนพระเจ้า แต่เมื่อไรก็ตามเราเซ็นรับรถแล้วและเราเอารถออกจากศูนย์ เราเหมือนยาจกทันที ก่อนเว็นควร

  •  รถสวยงามอย่างที่เราต้องการหรือเปล่า ใช่รุ่นที่เราต้องการหรือเปล่า ไม่ใช่มาจากโรงงานอีกรุ่น มาแต่งเป็นอีกรุ่นที่เราต้องการ มันไม่สมควร
  • ตรวจตามข้อ 8 อีกรอบ เอาหมายเลขเครื่องมาดูเลยครับว่าหมายเลขเดียวกับที่เราตรวจมาแล้วหรือเปล่า 
  • ตรวจดูการติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งเสริมตามข้อ 8 
  • ของแถมครบหรือเปล่า ไม่ครบรอเซ็นรับวันหลัง
  • น้ำมันเต็มถังหรือเปล่า 
  • เอกสารต่างๆครบหรือเปล่าเช่น
    • เอกสารประกันหรือใบเสร็จ
    • พ.ร.บ. หรือใบเสร็จ
    • ใบเสร็จค่ามันจำป้ายแดง+สมุดคู่มือป้ายแดง
    • ป้ายแดงของแท้หรือเปล่า ต้องมีตรา ขส....
    • เอกสารติดตั้งฟิล์ม และรับประกันฟิล์ม
    • เอกสารการรับประกันอุปกรณ์รถหรือ Warranty Bosket ที่มีชื่อเราโดยไม่มีรอยลบ ขีด เปลี่ยนแปลงข้อมูล
    • คู่มือรถ
    • เอกสารเซ็นต์เตรียมจดทะเบียน จะได้ป้ายขาวเมื่อไร เลือกเลขทะเบียนได้หรือเปล่า หรือต้องติดต่อกับขนส่งเอง
10. ถ้าครบทุกอย่าง ตามที่กล่าวมา ก็รับรถไปได้เลยครับ


แชร์ประสบการณ์ที่ควรระวังนะครับ

  
                       ผมมีความเชื่อว่าคนที่ทำไม่ดีมันสามารถที่จะแก้ตัวมาทำดีได้ แต่ไม่สามารถใช้กับนโยบายของศูนย์บริการ A นี้ได้ครับ ต่อให้ทำศูนย์ใหม่หรือปรับปรุงให้ดีขนาดไหนก็ยังไม่ซื้อสัตย์กับลูกค้าอยู่ดี เพราะเจ้าของและทีมงานเป็นชุดเดิม เรื่องมีอยู่ว่า ผมตัดสินใจจองรถวันที่ 24 ธ.ค.51 รถที่ผมจองมาจากโรงงานมาวันที่ 23 ม.ค. 52 ผมตรวจเช็คตามขั้นตอน รถใหม่จากโรงงานจริง ไม่มีการแต่งเพิ่มแต่อย่างไร ฟิล์มก็ไม่ได้ติด ผมยอมรับรถที่ตรวจเสร็จแต่ขาดอย่างเดียวคือไม่ได้จดหมายเลขเครื่อง และผมก็ตกลงเรื่องการแต่งรถ ติดฟิล์ม ตอนแรกจะไม่แต่งแต่เซลให้ส่วนลดหลายพันจนผมยอม วันรับและเซ็นสัญญาผมก็เชื่อใจเซล คือผมรับและเอาออกมาจากศูนย์วันที่ 13 ก.พ. 52 เนื่องจากรอตกแต่ง พอใช้ไปซักพัก ปรากฏว่าวันที่เราต้องส่งไปรษณีย์เพื่อส่งไปขอรับใบประกันฟิล์ม ปรากฏว่า ฟิล์มถูกติดตั้ง ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. 51 ตกใจเลยครับ ฟิล์มผมติดตั้งก่อนที่ผมจะจองรถซะอีก รถมาก่อนจองเป็นไปได้ยังไง จึงสืบข้อมูลได้ความว่า รถคันนี้คนที่จองท่านเดิมยกเลิกการจองไว้ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย. 51 เป็นรถค้างสต๊อกว่างั่นเถอะ เซลจึงพยายามชักจูงให้ผมแต่งรถให้ได้ตามรถที่ค้างอยู่ ความเชื่อใจทำให้ผมได้รถคนละคันกับที่ผมเช็คไว้ เซลไม่ได้จ่ายรถพลาด เพราะเค้าตั้งใจหลอก เค้าบอกผมว่า อย่าเพิ่งเลื่อนกระจกเพราะฟิล์มเพิ่งติด พูดมาได้ ติดไว้ตั้ง 2เดือนละ หลังจากที่ผมร้องเรียนเซลขออโหสิกรรมจากผม แต่ผมติดว่า คนที่กล้าหลอกคนอื่นอย่างหน้าตาเฉยรู้จักกลัวบาปกรรมเหรอความสวยและปากหวาน ไม่ได้ช่วยทำให้คนเรามีจิตใจดีได้เลย เราเรียกร้องอะไรไม่ได้มากเนื่องจากเจ้าของศูนย์ใหญ่โต ก็ต้องยอมรับเงือนไขที่เค้าเสนอมาเพียงเล็กน้อย แต่ความรู้สึกเราไม่ได้กลับคืนมา และใช่ว่าเค้าจะยอมรับความผิด เค้าบอกว่าเซลทำเหมาะสมแล้ว คือเค้าต้องเคลียร์สต๊อกของเก่าออกไปก่อน เป็นอุดทาหรที่เราควรระวังรูปแบบของเซลขายรถ เซลขายรถเพื่อประโยชน์ของตัวเค้าเอง เพื่อทีมงานของเค้า และศูนย์ของเค้า หากเราไม่ระวัง เราก็จะตกเป็นเหยื่อได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นอย่าไว้ใจเซลและศูนย์ที่มีข่าวไม่ดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น